มีสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสักกี่ที่ ที่ยังคงไว้ถึงความเป็นมาของสมัยบรรพบุรุษสืบมาจนปัจจุบันรุ่นลูกหลาน สถานที่แห่งนี้เราอาจจะเคยได้ยินหรือแวะเวียนผ่านไปแต่กลับลืมค้นหาให้ลึกลงไปถึงคุณค่าของสิ่งนั้น
“ตลาดพูล” ย่านเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ชาวจีนได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมาก รวมถึงชาวมุสลิมก็ได้เข้ามาปลูกสวนพูลและขยับขยายมีการซื้อขายพูลเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่กล่าวขานย่านนี้ว่า “ตลาดพูล”
ปัจจุบันนี้ตลาดพลูตั้งอยู่บนถนนเทอดไท ฝั่งธนบุรี มีความสำคัญทั้งในฐานะที่เป็นย่านเก่าแก่ เป็นเส้นทางคมนาคม มีวัดวาอาราม มีสถานีรถไฟและที่สำคัญเป็นแหล่งของอร่อยอย่างมากมาย
พูดถึงสถานีรถไฟในปัจจุบันนี้ “สถานีรถไฟตลาดพลู” ก็ยังถือว่าเป็นสถานีรถไฟที่ยังคงมีความสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟสายแม่กลอง ที่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ทุกวันนี้ยังมีขบวนรถไฟที่ขนส่งทั้งคนและสิ่งของผ่านเข้าออกอยู่ทุกวัน ตัวสถานีจึงยังพอมองเห็นความคึกคักอยู่เสมอ
จุดจำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟ ต้องบอกว่าเราเห็นผู้คนมากมายที่ยังเดินทางโดยรถไฟ ตั้งแต่เด็กยันคนชรานักเรียนยันนักธุรกิจ
สองข้างทางริมทางรถไฟก็เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน เอกลักษณ์ของแหล่งชุมชนที่นี่คือการมีรถไฟผ่านหน้าบ้าน การได้เห็นผู้คนต่างๆสับเปลี่ยนกันขึ้นลงรถไฟ มันสะท้อนได้ว่า ที่นี่คือที่จุดศูนย์กลางของการคมนาคม
เมื่อเสียงขบวนรถไฟมานายท่าก็เตรียมยกธงและปิดเส้นทางการสัญจรของรถบนท้องถนน ผู้คนก็ต่างเตรียมตัวแบกสัมภาระของตนรอขบวนรถไฟมาจอดที่ชานชลา
ต้องบอกว่าร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และใครมาตลาดพูลแล้วไม่แวะร้านสุณีข้าวหมูแดง ก็จะเรียกได้ว่ามาไม่ถึงตลาดพูล ที่นี่เปิดมา55ปีแล้ว มีเมนูทั้งข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ มีกุนเชียงอีกด้วย ร้านนี้ใช้หมูแดงไม่ติดมันนะคะ ส่วนหมูกรอบก็ทอดกรอบอย่างดี ส่วนทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่น้ำราดเพราะพิถีพิถันเคี้ยวน้ำซุปกระดูกหมูอย่างดีผสมเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศจนลงตัว ในส่วนของงาขาวนั้นเยอะมาก เจ้าของร้านบอกว่าเพิ่มความหอม จึงได้เป็นน้ำราดที่กล่อมกล่อมและอร่อย
ราคานั้นไม่ต้องพูดถึง ธรรมดา30บาท พิเศษ35บาท ถูกและอร่อยแบบนี้นุ่นกับแก้วสั่งพิเศษคนละจาน ใครที่ชอบความจัดจ้านทางร้านก็มีน้ำส้มสายชูและซอสหวานซีอิ๊วดำให้ด้วยจ้า
ในส่วนต่อมาที่เราต้องพากันหยุดถ่ายรูป แลนด์มาร์กตรงนี้คือ “อาคารสายสัมพันธ์ตลาดพูล” คือจุดที่ผู้คนมานั่งเล่นพูดคุยกันรวมไปถึงการเล่นหมากรุกอีกด้วย เล่นกันสองคน ส่วนคุณตาคนอื่นๆก็คอยช่วยและเชียร์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่น่ารักและน่าประทับใจจริงๆ
เค้าว่ากันว่า กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่ ยุคนี้เลิกทาสเลิกไพร่แล้วนะจ้าเลยต้องมาลิ้มรสของหวานต่อ ความหิวไม่อาจต้านทานมาต่อกันที่ร้านดังร้านที่2 “สิรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องตลาดพูล”.
ที่นี่เปิดมา110ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่2 ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่สมัยคุณย่าคุณยายจนตอนนี้รุ่นลูก ขายดิบขายดีจนพี่เจ้าของร้านบอกว่าออกจากงานประจำมาขายขนมเบื้องเพราะขายดีและหมดทุกวัน ใครที่อยากทานต้องมาที่ตลาดพูลเท่านั้นนะคะไม่มีสาขาอื่น เจ้าของร้านแอบกระซิบมาบอกว่า “ขนมเบื้องอร่อยต้องสิรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องตลาดพูล” เท่านั้น มีทั้งไส้หวาน ไส้เค็ม ใส่ไข่ และใส่มะพร้าวอ่อน ทนความหอมไม่ไหวเราเลยต้องควักตังค์ซื้อมาทาน กลิ่นหอมแถมรสชาติอร่อยมาก
ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย ไส้หวาน/เค็ม แผ่นใหญ่ 15 บาท แผ่นเล็ก 5 บาทเท่านั้นนะคะ ส่วนเรื่องการเก็บนั้น อยู่ข้างนอกได้ถึง7-10วัน แต่จะนิ่ม ส่วนใครที่ชอบทานแบบกรอบๆสามารถใส่ตู้เย็นได้เป็นเดือนเลย
บ้านของผู้คนในชุมชนที่ยังคงความดั้งเดิมของชาวจีนในสมัยก่อน ความเป็นเอกลักษณ์ยังไม่สูญหาย ณ ที่แห่งนี้
ร้านเครื่องเดิมคู่ใจของตลาดพูล ใครไม่มาลองลิ้มชิมรสที่ร้าน “สุริยากาแฟ” คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องเพราะที่นี่มีหลากหลายเมนู กาแฟ โอวัลติน ชานม ชาเขียว น้ำบ๊วย น้ำแดง หู้ยยย เยอะแยะมากมาย ใครที่อยากนั่งพักผ่อนสบายๆก็สามารถมาจิบน้ำอร่อยๆที่ร้านสุริยากาแฟ ได้นะคะ
มารู้จักร้านดังกันอีก1ร้านในช่วงเย็น “กระเพราะปลานายบ๊วย” เป็นอีกหนึ่งร้านที่คนต่อคิวซื้อตลอด มีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม ให้เลือกใส่ได้ทั้ง ไข่นกกระทา น่องไก่ หรือเครื่องใน ที่สำคัญราคาไม่แพงอีกด้วย
Copywriter
Noon Sludge
Photographer
ภัทรพร อุ่นมี
